บันทึกการเรียนรู้
ครั้งที่ 6
วันพุธ ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561 (13.30-15.30)
เนื้อหาการเรียนรู้
Ø เปิดการเรียนด้วยการนำเสนอคำคมของเพื่อนๆแต่ละคน
Ø นำเสนอชื่อของตนเองในรูปแบบคุณลักษณะของผู้บริหารที่ดี
โครงสร้างขององค์กรและการจัดระบบบริหารงานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
Ø การบริหารงานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
การบริหารสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
มีลักษณะการบริหารเฉพาะตัว โดยที่ต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1. นโยบาย
และยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศของรัฐบาล
2. แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ
3. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
4. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
5. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
6. ปรัชญา
นโยบายและวัตถุประสงค์ของสถานศึกษา
7. ความต้องการของชุมชน
Ø การจัดประเภท
และรูปแบบสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในประเทศไทย
1.
การจัดแบ่งตามโครงสร้างการบริหารตามขนาด แบ่งเป็น 3 ขนาด คือ
1)
โครงสร้างบริหารสถานศึกษาปฐมวัยขนาดเล็ก
2)
โครงสร้างบริหารสถานศึกษาปฐมวัยขนาดกลาง
3)
โครงสร้างบริหารสถานศึกษาปฐมวัยขนาดใหญ่
2.
การแบ่งตามรูปแบบตามพระราชบัญญัติการศึกษาชาติ
(พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 )พ.ศ. 2545 กล่าวไว้ใน มาตรา
15กำหนดการจัดการศึกษา มี 3 รูปแบบ คือ)
1.รูปแบบในระบบโรงเรียน
2.รูปแบบนอกระบบโรงเรียน
3.รูปแบบตามอัธยาศัย
3. รูปแบบการให้บริการแบบใหม่
คือ การรวมเด็กที่ผิดปกติและเด็กปกติไว้ด้วยกัน โดยเรียกแบบนี้ว่า“Normalization”
Ø หลักในการบริหารงานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
1.
การบริหารงานวิชาการ
เป็นการบริหารกิจกรรมทุกชนิดในโรงเรียน
ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงพัฒนาการสอนผู้เรียนให้ได้ผลดีและมีประสิทธิภาพที่สุด
2.
การบริหารงานบุคคลในสถานศึกษาปฐมวัย
คือ การปฏิบัติการใช้คนให้ทำงาน
อย่างมีประสิทธิภาพโดยมีขบวนการต่าง ๆ
3.
การบริหารงานธุรการและการเงินในสถานศึกษาปฐมวัย
- งานธุรการในสถานศึกษา
- งานการเงินในสถานศึกษาปฐมวัย
- งานสารบรรณในสถานศึกษาปฐมวัย
- งานทะเบียนและรายงาน
- งานรักษาความปลอดภัย
- งานการเงินและพัสดุ
- งานพัสดุ
4.
การบริหารงานกิจการนักเรียนในสถานศึกษาปฐมวัย
คือ
การดำเนินงาน
เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมในโรงเรียนโดยนักเรียนสมัครใจร่วมกิจกรรมเพื่อพัฒนาตนเอง
5.
การบริหารสภาพแวดล้อมในสถานศึกษาปฐมวัย
- การบริหารสภาพแวดล้อมทางกายภาพ
-
การบริหารสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการจัดกิจกรรมและประสบการณ์
Ø การบริหารสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในยุคปฏิรูป
ความหมาย การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน(School
Based Management)
คือ การบริหารโดยกระจายอำนาจทางการศึกษาไปยังสถานศึกษาโดยตรงให้มีอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบและความคล่องตัวในการบริหารจัดการมากที่สุด
· หลักการในการบริหารแบบโรงเรียนเป็นฐาน(School
Based Management)
• หลักการกระจายอำนาจ (Decentralization)
• หลักการมีส่วนร่วม (Participation
or Collaboration Involvement)
• หลักการคืนอำนาจจัดการศึกษาให้ประชาชน
(
Return Power to People)
• หลักการบริหารตนเอง (Self
- managing)
• หลักการตรวจสอบและถ่วงดุล (Check
and Balance)
· รูปแบบโรงเรียนที่ใช้การบริหารแบบโรงเรียนเป็นฐาน
• ผู้บริหารโรงเรียนเป็นหลัก
(Administrative Control School
Council )
• บริหารโดยครูเป็นหลัก
(Professional Control Council)
• การบริหารจัดการโดยชุมชนมีบทบาท
(Community Control School Council)
• ครูและชุมชนมีบทบาทหลัก
(Professional Community Control
School Council)
Ø องค์กรแห่งการเรียนรู้
ศาสตร์ทั้ง 5 ขององค์กรแห่งการเรียนรู้ (ปีเตอร์
เอ็ม. เซงเก (Peter M. Senge) )
•
การใฝ่ใจพัฒนาตน (Personal Mastery)
•
รูปแบบของความคิด (Mental Models)
•
วิสัยทัศน์ร่วม (Shared Vision)
•
การเรียนรู้เป็นทีม (Team Learning)
•
การคิดเชิงระบบ (System Thinking)
Ø การบริหารแบบมีส่วนร่วม
• การมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
• การมีส่วนร่วมช่วยให้เกิดการยอมรับในเป้าหมาย
• การมีส่วนร่วมช่วยให้เกิดความสำนึกในหน้าที่ความรับผิดชอบ
· ผลดีของการบริหารแบบมีส่วนร่วม
•
สร้างสรรค์ให้มีการระดมกำลังจากบุคคลต่าง ๆ
•
สร้างบรรยากาศและพัฒนาประชาธิปไตยในการทำงาน
•
ช่วยให้ลดความขัดแย้งระหว่างผู้บริหารกับผู้ปฏิบัติงาน
•
การบริหารแบบมีส่วนร่วม
•
ผลงานที่เกิดขึ้น
•
สร้างความสมดุลระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายปฏิบัติ
· ข้อจำกัดของการบริหารแบบมีส่วนร่วม
•
การแสดงความคิดเห็นเกิดข้อขัดแย้งกับฝ่ายบริหาร
•
ก่อให้เกิดกลุ่มอิทธิพล
•
ผู้บริหารกลัวสูญเสียอำนาจ
•
การบริหารงานไม่สามารถใช้กับงานที่เร่งด่วนได้
•
ใช้งบประมาณมาก
•
ความคิดเห็นจากบุคคลภายนอกไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควร
•
การไม่เข้าใจหน้าที่มักจะทำให้เกิดการก้าวก่ายหน้าที่ซึ่งกันและกัน